• หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • Stopdrink TV
  • Clip Video
  • สื่อรณรงค์
  • รวมลิงค์
  • ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง
  • ติดต่อเรา
  • หน้าแรก
  • เกี่ยวกับเรา
  • Stopdrink TV
  • สื่อรณรงค์
  • Clip Video
  • รวมลิงค์
  • ติดต่อเรา

การกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็ก ช่วยลดอาการติดสุราเรื้อรังได้

หมวดหมู่ ข่าวต่างประเทศ, วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 65 / อ่าน : 909


งานวิจัยครั้งใหม่แนะนำว่าการกระตุ้นสมองด้วยสนามแม่เหล็ก (TMS) ซ้ำๆ และนานๆ ถือเป็นวิธีที่ปลอดภัยและได้ผลในการช่วยบำบัดและอาการติดสุราและช่วยกระตุ้นการทำงานของสมองได้จริง

 

โดยในการทดลองบำบัดแบบสุ่ม การบำบัดแบบปกปิดกระบวนการ และการบำบัดหลอก พบว่าผู้เข้าร่วมการทดลองที่ได้รับการกระตุ้นด้วยคลื่นไฟฟ้าไปยังเปลือกสมองส่วนหน้าและสมองส่วนที่อยู่ลึกลงไปในกลีบหน้าผากเป็นระยะเวลานาน 3 สัปดาห์ สามารถลดจำนวนวันที่ดื่มหนักลงได้อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการบำบัดแบบหลอก ส่วนกลุ่มที่ได้รับการบำบัดจริง มีการรายงานว่าพวกเขามีความอยากดื่มแอลกอฮอล์ลดลดอย่างมีนัยยะสำคัญและแสดงให้เห็นการทำงานที่น้อยลงในพื้นที่สมองส่วนที่กระตุ้นให้เกิดความอยากดื่มและทำให้อาการกำเริบ จากการตรวจด้วยเครื่องมือ MRI

 

ทั้งนี้ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญควรทำการทดลองในระยะที่สองด้วย โดย นายแพทย์ มาร์คัว ฮีลลิก ศาสตราจารย์สาขาจิตเวชศาสตร์และผู้อำนวยการศูนย์เพื่อสังคมและผลกระทบต่อจิตประสาท แผนกชีวภาพการแพทย์และวิทยาศาสตร์การแพทย์คลินิก มหาวิทยาลัยลินเชอปิง ประเทศสวีเดน ได้กล่าวว่า

 

“ถ้าหากมีการทดลองซ้ำเป็นระยะที่ 3 ในการศึกษานี้ เราน่าจะได้แนวทางการรักษาใหม่อย่างสมบูรณ์ ที่สามารถนำไปใช้ได้จริงกับโรคที่มีความยากในการดูแลและเป็นโรคที่สร้างผลกระทบค่อนข้างมาก” คุณหมอฮีลลิกกล่าว (ข้อค้นพบเหล่านี้ได้ถูกตีพิมพ์เมื่อวันที่ 5 ธ.ค.ในเอกสารที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาทางจิตเวช)

 

การพิสูจน์แนวคิด

ในการทดลองเพื่อพิสูจน์แนวคิดดังกล่าว นักวิจัยจะต้องบันทึกและกำหนดการรักษาอย่างสุ่มจำนวน 51 ครั้ง โดยต้องหาผู้เข้าร่วมวัยผู้ใหญ่ที่มีพฤติกรรมใช้แอลกอฮอล์ในระดับปานกลาง เพื่อเข้ารับการบำบัดแบบหลอก โดยก่อนการรักษาผู้เข้าร่วมจะต้องถูก “กระตุ้นให้เกิดความอยาก” ซึ่งรวมไปถึงวิธีการให้ดมกลิ่นแต่ไม่ให้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้น

 

คุณหมอฮีลลิกยังได้บันทึกไว้ด้วยว่า ก่อนทำการกระตุ้นสมอง “คุณจะมีความต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลงมากเท่าที่จะเป็นไปได้” และการเชื่อมโยงของสมองก็มีแนวโน้มที่จะมีการเปลี่ยนแปลงมากขึ้นเมื่อได้รับการกระตุ้นไฟฟ้าจริง

 

ระหว่างการรักษาในระยะ 3 สัปดาห์ ผู้เข้าร่วมจะได้รับการกระตุ้นจริงและกระตุ้นหลอกประมาณครั้งละ 30 นาทีต่อสัปดาห์ โดยในการกระตุ้นแต่ละครั้งผู้เข้าร่วมทั้งหมดจะต้องสวมหมวกกันน็อคที่มีการเชื่อมต่อกับขดลวด TMS ที่ผลิตโดยบริษัทเบรนส์เวย์ (BrainWay) โดยกลุ่มที่มีการกระตุ้นจริงจะมีการกระตุ้นด้วยความคลื่นถี่ 10 เฮิรตช์ในแต่ละครั้ง ต่อการเต้นของหัวใจ 30 ครั้ง (ประมาณ 3 วินาที) ในช่วงระยะเวลา 15 วินาที รวมการเต้นหัวใจทั้งหมด 3 พันครั้ง ส่วนการกระตุ้นหลอก จะใช้วิธีสร้างเสียงปลอมๆ และทำการช็อตปลอมๆ ที่ผิวหนัง ให้เหมือนกับการกระตุ้นจริง แต่ไม่มีการปล่อยกระแสแม่เหล็กใดๆ ซึ่งผู้เข้าร่วมทั้งหมด ผู้ปฏิบัติการและผู้ประเมินจะไม่มีใครรู้ว่าขดลวดที่ใช้อยู่เป็นชนิดใด

 

โดยผู้เข้าร่วมทดลอง 5 คน มีอาการกำเริบใน 3 สัปดาห์แรกของการรักษาและถูกตัดออกจากการวิเคราะห์ ค่ามัธยฐาน (ค่ากลาง) ของอายุผู้เข้าร่วมที่ได้รับการบำบัดจนจบกระบวนการคือ 43 ปีและ 2 ใน 3 เป็นผู้ชาย ส่วนการจัดสัดส่วนของเพศสภาพในการศึกษา สะท้อนให้เห็น “หน้าตาที่แท้จริงของกลุ่มที่กำลังมองหาการบำบัด” หมอฮีลลิกกล่าว และช่วงระหว่าง 12 สัปดาห์ในระยะติดตามผล มีผู้ติดสุราที่เข้าร่วมทดลอง 5 คนที่ขอออกจากการทดลองกลางครัน

 

ผลการบำบัดที่ค่อนข้างชัดเจน

ผลลัพธ์ในขั้นปฐมภูมิจากการบำบัด คือ สามารถช่วยลดวันดื่มหนัก (pHDD) ลงได้จริง โดยดูจากปริมาณการดื่มต่อวันซึ่งอยู่ที่ประมาณ 5 แก้ว (แก้วละ 12 กรัม) ในผู้ชายและอย่างน้อย 4 แก้วในผู้หญิง

 

โดยขั้นต้นพบว่า วันที่ดื่มหนัก (pHDD) ในคนทั้งสองกลุ่มมีอัตราที่ลดลง ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไปในการศึกษาเรื่องแอลกอฮอล์ โดยคุณหมอฮิลลิกกล่าวว่า “ในวินาทีที่คนตัดสินใจเข้าร่วมการศึกษาวิจัยนี้ ทุกคนจะลดปริมาณการดื่มของตัวเองลงได้ ซึ่งการศึกษาโดยมีอคติแบบนี้อาจจะทำให้เกิดผลกระทบตามมา”

 

อย่างไรก็ดี จำนวนวันดื่มหนักกลับเพิ่มสูงขึ้นระหว่างการติดตามผลในกลุ่มที่ทำการทดลองแบบหลอก แต่ยังมีอัตราที่ลดลงในกลุ่มที่ทำการทดลองจริง โดยค่ามัธยฐานของวันดื่มหนัก มีอัตราลดลงอย่างเห็นได้ชัดในกลุ่มที่ได้รับการบำบัดจริง เมื่อเทียบกับกลุ่มที่ได้รับการบำบัดหลอก

 

“ดังนั้น แม้ว่าจะมีอคติในการวิจัย แต่ผลที่เกิดจากการบำบัดก็ยังแสดงออกมาให้เห็นจริงและค่อนข้างชัดเจน” หมอฮิลลิกกล่าว

 

สิ่งนี้ยังได้รับการสนับสนุนจากผลการบำบัดจากกลุ่มต่างๆ ที่มีลักษณะเฉพาะในการดื่มแอลกอฮอล์รายสัปดาห์และมีแนวโน้มว่าจะพบแอลกอฮอล์ในตัวอย่างปัสสาวะที่มีระดับแตกต่างกันออกไป

 

ส่วนผลลัพธ์ในระดับทุติยภูมิ พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงเรื่องความอยากแอลกอฮอล์จริง โดยประเมินจากการใช้เครื่องมือวัดระดับความอยากแอลกอฮอล์ (Penn Alcohol Craving Scale: PACS) โดยพบว่า อัตราความอยากดื่มลดลงในทั้งสองกลุ่มระหว่างการบำบัด และในกลุ่มที่ได้รับการบำบัดจริงมีอาการความง่วงลดลง ระหว่างการติดตามผลยังพบว่าระดับความอยากดื่มในกลุ่มที่ได้รับการบำบัดจริง มีอัตราเพิ่มขึ้นน้อยกว่าเมื่อเทียบกัน

 

จากการตรวจด้วยเครื่องมือในการตรวจหาความผิดปกติของร่างกาย โดยใช้เครื่องสนามแม่เหล็ก และคลื่นความถี่วิทยุ (MRI) แสดงให้เห็นว่ามีความเชื่อมโยงกันในสมองทั้งกลีบสมองส่วนหน้าไปถึงส่วนย่อยช่วงท้าย และพื้นที่ในสมองที่เกี่ยวข้องกับการแสดงอารมณ์เชิงลบที่สามารถกระตุ้นความอยากดื่มและอาการกำเริบ หมอเฮลลิกกล่าว มันยังช่วยลดความเชื่อมโยงระหว่างส่วนหลังและส่วนท้ายของเปลือกสมองส่วนหน้า ซึ่งเป็นวงจรที่เชื่อมโยงกับระบบการให้รางวัล/ การชมเชยในสมองด้วย

 

ในการทดลองบำบัดนี้ นักวิจัยกำลังมองหาตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมาย อย่างไรก็ดี “จนถึงปัจจุบันนี้ ยังไม่มีการศึกษาใดที่ใช้ TMS มาเป็นเครื่องมือในการวัดผลกระทบที่เกิดจากการทำกิจกรรมทางสมองอย่างแท้จริง ดังนั้น สำหรับผม สิ่งนี้จึงถือเป็นตัวบ่งชี้ทางชีวภาพที่บอกได้ว่ามันส่งปฏิกริยาบางอย่างต่อสมองจริง” หมอฮิลลิกกล่าว

 

การเจาะลงไปในสมองให้ลึกขึ้น

ผลลัพธ์ที่ออกมา เน้นให้เห็นความสำคัญของการแสดงผลของสมองในส่วนที่ลึกขึ้น โดย ดร.อับราฮัม แซนเจน หัวหน้าห้องทดลองการกระตุ้นสมองและพฤติกรรม และประธานของโครงการจิตวิทยาชีวภาพทางสมองจากมหาวิทยาลัยเบน กูเรียน ประเทศอิสรเอล ซึ่งเป็นนักเขียนร่วมในงานวิจัยนี้ได้กล่าวไว้

 

โดยการศึกษาเรื่อง TMS ก่อนหน้านี้ มีความเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นสมองเพื่อลดการสูบบุหรี่เพียงผิวเผินเท่านั้น แต่มันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเลิกสูบแต่อย่างใด ดร.แซนเจนกล่าวว่า “หากตอนนั้นเรามุ่งเป้าไปในส่วนที่ลึกของเยื่อหุ้มสมองส่วนหน้า เราก็จะสามารถนำวิธีนั้นมาใช้กับการเลิกสูบบุหรี่ได้อย่างถาวร” เขากล่าว และทำให้งานวิจัยนี้ได้รับการรับรองจากสำนักงานอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ในการใช้ TMS กับสมองส่วนลึกเพื่อการเลิกบุหรี่

การศึกษาในประเด็นเรื่องสมองส่วนลึกแบบเดียวกันนี้ ถูกนำมาใช้กับการวิจัยที่มีอยู่ปัจจุบัน “ดังนั้น การให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีที่ยินยอมให้มีการเจาะลึกลงไปในสมองส่วนที่ลึกขึ้น และพุ่งเป้าไปที่ความเกี่ยวข้องทางพยาธิวิทยาของวงจรการเสพติด จึงถือเป็นส่วนประกอบสำคัญของความสำเร็จในการศึกษาครั้งนี้” ดร.เซนเจนกล่าว

 

โดยผลการวิจัยยังไม่มีส่วนใดแสดงให้เห็นผลร้ายของการทดลอง มีแค่ผู้เข้าร่วมบางส่วนเท่านั้นที่ถูกรายงานว่ามีอาการปวดหัวชั่วคราวซึ่งก็ได้รับการแก้ไขในทันที และมีความถี่ที่เกิดขึ้นไม่ต่างกันระหว่างแต่ละกลุ่ม

 

ตอนนี้คุณหมอฮิลลิกตั้งใจจะทำการศึกษาในระยะที่ 3 ในหลายๆ พื้นที่ด้วยกระบวนการดังกล่าว และแนะนำให้มีการทำการทดลองเพิ่มเป็น 4 สัปดาห์ (จากเดิม 3 สัปดาห์) ในการบำบัดช่วงปฐมภูมิ และมีการเพิ่มการบำบัดอีกในรายสัปดาห์ “เพราะมีเหตุผลข้อบ่งชี้ทางชีวภาพที่ทำให้เชื่อได้ว่า มันอาจจะเพิ่มประสิทธิภาพในการบำบัด แม้ว่าเรายังไม่มีข้อมูลก็ตาม” เขากล่าว

 

ในอีกแง่หนึ่ง เขาก็บันทึกไว้เช่นกันว่า การยืดระยะเวลาการทดลองให้นานขึ้น ก็อาจจะเพิ่มความยากในการคัดเลือกคนไข้มาเข้าร่วมการทดลองด้วยเช่นกกัน

 

นัยยะสำคัญทางคลินิกคืออะไร?

การให้ความเห็นจาก นายแพทย์ดีเร็ค เบลวินส์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตเวชศาสตร์คลินิก มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และนักวิจัยด้านจิตเวช แผนกการใช้สารเสพติด จากสถาบันจิตเวชศาสตร์รัฐนิวยอร์ก เรียกงานวิจัยนี้ว่า “เป็นสิ่งที่มีอยู่จริง”

 

จนถึงตอนนี้ การศึกษาเรื่องการใช้ TMS ยังคงมีความเกี่ยวข้องกับเป้าหมายเล็กๆ เช่น การลดความอยากเสพ แม้ว่าการศึกษาเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นว่ามันสร้างผลกระทบได้จริง แต่นัยยะสำคัญทางคลินิกก็ยังไม่ชัดเจนนัก โดยคุณหมอเบลวินส์ซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยในปัจจุบัน กล่าวว่า

 

“ผมคิดว่าการศึกษางานวิจัยใหม่นี้ ได้แสดงให้เห็นนัยยะทางคลินิกที่ชัดเจนต่อการบำบัดอาการของโรคด้วยวิธีการที่ไม่ได้ล่วงล้ำร่างกายคนไข้ (non-invasive) ซึ่งเป็นการบำบัดที่ยากมาก” เขากล่าว

 

 

 

อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้ยังมีข้อจำกัดที่จะทำให้เกิดการเลิกเสพได้ คุณหมอเบลวินส์ได้บันทึกไว้เช่นนั้น โดยมันอาจจะ “ช่วยได้จริงๆ” หากจะทำความเข้าใจว่า TMS อาจจะช่วยได้แค่ในระดับบุคคลเช่น โดยดูจากในกลุ่มคนที่มีอาการกำเริบระหว่างการศึกษา “เนื่องจากพวกเขาอาจจะไม่ตอบสนองต่อการบำบัดเป็นรายบุคคลจากที่เราเห็นในปฏิบัติการทางการแพทย์” เขากล่าว

 

หากการทดลองที่มีการวิจัยแบบที่มีเป้าหมายมากกว่า 1 ประเด็นได้เริ่มขึ้น คุณหมอเบลวินส์กล่าวว่า เขาก็อยากจะให้กลุ่มประชากรที่เป็นเป้าหมายในการศึกษา มีความหลาหลายทางเผ่าพันธุ์และชาติพันธุ์ด้วย

 

งานวิจัยนี้ได้รับการสนับสนุนทุนจากสหภาพยุโรปในปี 2020 และสภาวิจัยและนวัตกรรมแห่งสวีเดน งานวิจัยของคุณหมอฮิลลิกนี้ได้รับค่าที่ปรึกษา การสนับสนุนการวิจัย หรือค่าตอตอบแทนจากหน่วยงานต่างๆ ส่วน ดร.แซนเจน เป็นนักพัฒนาเรื่องการใช้ขดลวด TMS และมีผลประโยชน์ทางการเงินจากบริษัท เบรนเวย์ (BrainWay) ซึ่งเป็นผู้ผลิตและทำการตลาดให้กับอุปกรณ์ขดลวดดังกล่าว ส่วนรายงานของคุณหมอเบลวินส์นั้น ไม่มีความสัมพันธ์ทางการเงินเข้ามาเกี่ยวข้องแต่อย่างใด

 

 

https://www.medscape.com/viewarticle/965356 

 



เรื่องอื่นๆ


จุดจบสายแข็ง! นักดื่มล้มตึงตายคาที่ ซดเหล้ารวดเดียวหมดขวดชิงเดิมพัน 430 บาท
จุดจบสายแข็ง! นักดื่มล้มตึงตายคาที่ ซดเหล้ารวดเดียวหมดขวดชิงเดิมพัน 430 บาท

18 ก.ค. 65 / อ่าน 837

อีกหนึ่งข้อบังคับ ฟุตบอลโลก 2022 ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกสนาม
อีกหนึ่งข้อบังคับ ฟุตบอลโลก 2022 ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกสนาม

8 ก.ค. 65 / อ่าน 861

แบนสุรา,ห้ามเชฟส่วนตัว! 5 กฎเหล็ก 'เทน ฮาก' สร้างแมนยูคืนบัลลังก์
แบนสุรา,ห้ามเชฟส่วนตัว! 5 กฎเหล็ก 'เทน ฮาก' สร้างแมนยูคืนบัลลังก์

8 ก.ค. 65 / อ่าน 789

ไม่ดีต่อร่างกาย อดีตแข้ง 'ลิเวอร์พูล' แนะ ควรมีกฎควบคุมนักเตะที่ดื่มแอลกอฮอล์
ไม่ดีต่อร่างกาย อดีตแข้ง 'ลิเวอร์พูล' แนะ ควรมีกฎควบคุมนักเตะที่ดื่มแอลกอฮอล์

29 มิ.ย. 65 / อ่าน 914

คดีหมิ่นศาสนาลาม พิษร้านโฮลี่วิงส์ทำอินโดฯปิดสถานบันเทิงอื้อ
คดีหมิ่นศาสนาลาม พิษร้านโฮลี่วิงส์ทำอินโดฯปิดสถานบันเทิงอื้อ

28 มิ.ย. 65 / อ่าน 576

ตำรวจเร่งสืบสวน การตายปริศนาวัยรุ่น 22 ศพในไนต์คลับแอฟริกาใต้
ตำรวจเร่งสืบสวน การตายปริศนาวัยรุ่น 22 ศพในไนต์คลับแอฟริกาใต้

27 มิ.ย. 65 / อ่าน 628

ดูข่าวต่างประเทศทั้งหมด


ค่าใช้จ่ายที่คุณดื่มใน 1 สัปดาห์

(บาท)
  • หลังจาก 1 เดือน
         คุณจะต้องจ่าย บ.
  • หลังจาก 6 เดือน
         คุณจะต้องจ่าย บ.
  • หลังจาก 1 ปี
         คุณจะต้องจ่าย บ.
  • หลังจาก 5 ปี
         คุณจะต้องจ่าย บ.

หมวดข่าว

  • ข่าวรอบสัปดาห์
  • ข่าวภัยจากน้ำเมา
  • ข่าวรณรงค์
  • ข่าวงดเหล้าทั่วไทย
  • ข่าวต่างประเทศ
  • ข่าวประชาสัมพันธ์
  • สุขปลอดเหล้า
  • ประกาศจัดซื้อจัดจ้าง

เครือข่าย

  • เครือข่ายงดเหล้าภาคเหนือบน
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคเหนือล่าง
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคอีสานบน
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคอีสานล่าง
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคตะวันออก
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคกลาง
  • กรุงเทพมหานคร
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคตะวันตก
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคใต้
  • เครือข่ายงดเหล้าภาคใต้ตอนล่าง

Links

  • เกี่ยวกับ stopdrink.com
  • ปรึกษาการเลิกเหล้า 1413
  • Stopdrink TV
  • สื่อรณรงค์/ดาวน์โหลด
  • รวมลิงค์
  • ติดต่อเรา

สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.)
110/287-288 ม.6 ซอยโพธิ์แก้ว แยก 4 ถ.โพธิ์แก้ว แขวงคลองกุ่ม เขตบึงกุ่ม กทม. 10240
โทร 02 948 3300 , Fax สคล. 02 948 3930, Fax สปอนเซอร์ชิป 02 948 3302
eXTReMe Tracker