-
หลังจาก 1 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 6 เดือน
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 1 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ. -
หลังจาก 5 ปี
คุณจะต้องจ่าย บ.
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 5 เม.ย. นายเลิศปัญญา บูรณบัณฑิต อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว พม. พร้อมด้วย นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย (มท.) ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ผู้จัดการแผนนโยบายสาธารณะ สำนักงานเครือข่ายองค์กรงดเหล้า (สคล.) นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ตลอดจนผู้แทนกรุงเทพมหานคร และผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ร่วมกันแถลงข่าวรณรงค์ “สงกรานต์ปลอดเหล้า ปลอดภัย ไม่ลวนลาม” โดยภายในงานมีการแสดง แต่งไทยย้อนยุค และแร๊พเพลง “สงกรานต์ ปลอดเหล้า ปลอดภัย ไม่ลวนลาม”
นายเลิศปัญญา กล่าวว่า ในแต่ละปีปัญหาการล่วงละเมิดต่อผู้หญิงเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งในบริเวณที่เป็นพื้นที่เล่นสงกรานต์ และบริเวณใกล้เคียง แม้จะได้มีความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ รณรงค์ให้เกิดความตระหนัก แต่ปัญหาก็ยังคงมีอยู่ และที่สำคัญ เมื่อเกิดปัญหาขึ้นแล้ว ไม่ค่อยมีใครรู้ว่าควรทำอย่างไรต่อไป โดยเฉพาะผู้ถูกกระทำ มักไม่รู้สิทธิของตนเอง แต่ถูกทำให้เข้าใจไขว้เขวว่าเป็นความผิดของตนเอง ส่งผลให้ตัดสินใจไม่แจ้งความ ไม่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทำให้ผู้กระทำผิดยังสามารถอยู่ได้ในสังคม ปัญหาจึงไม่หมดไป
“การรณรงค์ สงกรานต์ ปลอดเหล้า ปลอดภัย ไม่ลวนลาม ที่ร่วมกันดำเนินการในครั้งนี้ มีทั้งการป้องกันและการแก้ไข เพื่อสร้างการรับรู้แก่หญิงชายทั่วไปว่า การล่วงละเมิดทางเพศนั้นเป็นพฤติกรรมที่ไม่ควรถูกมองว่าเป็นเรื่องธรรมดา จนทุกคนละเลย ไม่สนใจ ไม่ระแวดระวัง ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน หากแต่เป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ และผิดกฎหมาย และ เพื่อสร้างความรู้ว่า เมื่อเรารับรู้ว่าเกิดการล่วงละเมิดทางเพศขึ้น ต้องตระหนักว่าเป็นเรื่องที่ต้องให้ความช่วยเหลือ และรู้ว่าการช่วยเหลือต้องเป็นเช่นไร ไปทางไหนก่อน – หลัง เพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถูกกระทำ” นายเลิศปัญญา กล่าว
โดยกรมฯ มีความชัดเจนในการร่วมส่งเสริมให้ อปท. ทั้ง 7,852 แห่ง ให้ความร่วมมือในการสนับสนุนอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) หรืออาสาสมัครทุกรูปแบบ ในการอำนวยความสะดวก และให้ความช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ให้มีความปลอดภัย สะดวกสบาย รวมถึงได้แจ้งให้ อปท. กำหนดแนวทางในการประสานงานร่วมกับทุกหน่วยงาน
รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่เพื่อให้ความช่วยเหลือและรับแจ้งเหตุต่างๆ ในงาน จัดเวรตรวจตราเพื่อป้องปรามการคุกคามทางเพศ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์รณรงค์ไม่ให้มีการคุกคามทางเพศ ช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัย ให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ พิจารณาจัดพื้นที่เฉพาะ
สำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ที่มี ความปลอดภัยและปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด (Zoning) และสถานที่จัดงานเฉลิมฉลอง รื่นเริงทุกแห่ง เพื่อป้องปรามการกระทำความผิดตามกฎหมาย สร้างความมั่นใจ และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ รวมถึงขอความร่วมมือร้านค้างดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณข้างทาง ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและในสถานที่ที่กฎหมายกำหนด
รวมถึงการห้ามจำหน่ายให้กับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และในเวลาห้ามจำหน่าย และขอความร่วมมือผู้จัดงานเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่ให้งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณจัดงาน และยังให้รณรงค์ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวแต่งกายให้เหมาะสม ไม่ล่อแหลมต่อการถูกคุกคามทางเพศ ให้จัดเจ้าหน้าที่ตรวจตราดูแลสวัสดิภาพความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยว รวมทั้งขอความร่วมมือผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ต หรือหอพักให้เข้มงวดในการรับผู้เข้าพักโดยเฉพาะผู้เข้าพักที่เป็นเยาวชน เพื่อป้องกันการมั่วสุมของกลุ่มเยาวชนด้วย
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า สถ.ได้รับนโยบายจากพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย และนายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ให้มีส่วนร่วมทำให้สงกรานต์ปีนี้เป็นสงกรานต์ที่ปลอดภัย โดยสั่งการ อปท. ทั้ง 7,852 แห่ง ให้ความร่วมมือ สนับสนุนอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) หรืออาสาสมัครทุกรูปแบบ ในการอำนวยความสะดวกและช่วยเหลือประชาชน ให้ปลอดภัย สะดวกสบาย รวมถึงจัดเจ้าหน้าที่ รับแจ้งเหตุต่างๆ เพื่อป้องปรามการคุกคามทางเพศ พร้อมประชาสัมพันธ์รณรงค์ไม่ให้มีการคุกคามทางเพศ ช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
นอกจากนั้นได้พิจารณาจัดพื้นที่เฉพาะสำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ที่มีความปลอดภัยและปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด หรือโซนนิ่ง และสถานที่จัดงานเฉลิมฉลองรื่นเริงทุกแห่ง เพื่อป้องปรามการกระทำความผิดตามกฎหมาย สร้างความมั่นใจและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีแก่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงขอความร่วมมือร้านค้า งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บริเวณข้างทาง ในสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงและในสถานที่ที่กฎหมายกำหนด ห้ามจำหน่ายให้กับบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี และในเวลาห้ามจำหน่าย และขอความร่วมมือผู้จัดงานเทศกาลสงกรานต์ในพื้นที่ งดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในบริเวณจัดงาน และรณรงค์ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวแต่งกายให้เหมาะสม ไม่ล่อแหลมต่อการถูกคุกคามทางเพศ
นายสุทธิพงษ์ กล่าวว่า ทั้งนี้ ได้กำชับสถ.ดูแลความปลอดภัยของถนนสายรอง พร้อมขอให้ผู้บริหาร อปท. และผู้นำท้องถิ่น รณรงค์ในเรื่องความเป็นไทย สนับสนุนและช่วยขับเคลื่อนการแต่งกายนิยมไทย โดยสวมใส่ผ้าไทย อย่างน้อยสัปดาห์ละ 2 วัน เพื่อรักษาภูมิปัญญาผ้าไทยของบรรพบุรุษไทย สืบสานวัฒนธรรมไทยด้วยการสวมใส่ผ้าไทย และยังส่งเสริมการสร้างอาชีพให้กับผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการทอผ้าไทยพื้นเมืองให้ยังคงอยู่ต่อไป ส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทยด้วย
ด้าน ดร.สุปรีดา กล่าวว่า จากข้อมูลผลสำรวจความคิดเห็นต่อการจัดงานสงกรานต์ ปี 2560 โดยศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ระบุว่า สิ่งที่ประชาชนกังวลเมื่อมาเที่ยวสงกรานต์ 3 ประเด็น คือ ทะเลาะวิวาท ร้อยละ55.9 เล่นน้ำที่รุนแรง ร้อยละ 40.9 และอุบัติเหตุ ร้อยละ 38.6 ทั้งนี้คนมาเที่ยวชมงานสงกรานต์ เห็นว่า การเล่นสงกรานต์แบบไร้แอลกอฮอล์ จะช่วยลดอุบัติเหตุ การเสียชีวิต ลดปัญหาทะเลาะวิวาทได้ และเห็นว่า การจัดสงกรานต์ปลอดเหล้าไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง โดยส่วนใหญ่ร้อยละ80.6 เห็นด้วยว่าการจัดงานสงกรานต์ ควรจัดแบบปลอดเหล้า แต่อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 68.2 ยังเห็นว่าการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงสงกรานต์เป็นเรื่องปกติธรรมดา นอกจากนี้ข้อมูลงานวิจัย ชี้ชัดว่า การจัดงานสงกรานต์ปลอดเหล้า หรือกำหนดโซนนิ่งพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า มีส่วนช่วยกระตุ้นความสนใจให้คนมาเที่ยวงานมากขึ้น ซึ่งข้อมูลดังกล่าว สอดรับกับคนส่วนใหญ่ที่เห็นว่างานสงกรานต์ปลอดเหล้า ไม่ได้ทำให้นักท่องเที่ยวลดลง ไม่ได้ทำให้บรรยากาศเงียบเหงา หรือไปกระทบก่อผลเสียต่อธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ กลับช่วยให้สงกรานต์เป็นเทศกาลแห่งความสุขปลอดภัย แต่เรื่องที่ยังน่าห่วง คือ การจัด MidNight สงกรานต์ หรือสงกรานต์เล่นน้ำกลางคืน ที่ถูกธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ใช้เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายเหล้าเบียร์ โดยจัดกิจกรรมเล่นน้ำตามผับ บาร์ ร้านเหล้าและลานหน้าห้างสรรพสินค้า มีคอนเสริ์ต พ่วงลานเบียร์ อาจกลายเป็นสาเหตุสำคัญของความสูญเสียได้
“ที่ผ่านมา สสส.และภาคี สสส. ได้ริเริ่มจัดพื้นที่โซนนิ่งปลอดเหล้า ไม่อนุญาตให้นำเหล้าเบียร์เข้าพื้นที่ที่จัดไว้ให้เป็นพื้นที่เล่นน้ำ และถนนข้าวเหนียว จังหวัดขอนแก่น เป็นพื้นที่นำร่องแห่งแรก กระทั่งขยายกลายเป็น50ถนนตระกูลข้าวและ100 พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า จากนั้น กระทรวงมหาดไทยได้ขยายเขต โซนนิ่งไปอีกกว่า3,200 แห่งทั่วประเทศ และปีนี้ขยับสร้างพื้นที่เล่นน้ำปลอดภัยเข้มข้นในทุกอำเภอทุกจังหวัด รวมถึงสร้างมาตรการดูแลเรื่องความปลอดภัยทางถนน อาทิ รณรงค์สวมหมวกและคาดเข็มขัดนิรภัย การตั้งด่านชุมชน สร้างมาตรการและความร่วมมือระดับชุมชนศูนย์ถนนระดับอำเภอ การตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ในผู้ขับขี่” ดร.สุปรีดา กล่าว
ทางด้านของ นายวิษณุ กล่าวว่า สงกรานต์นี้สิ่งที่ต้องเฝ้าระวัง คือ ปัญหาความสูญเสียจากอุบัติเหตุระหว่างการเดินทาง การเล่นน้ำที่รุนแรง ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย รวมถึงพฤติกรรมเมาแล้วขับ ขับรถเร็ว ไม่สวมหมวกนิรภัย ยิ่งหลังเที่ยงคืน เป็นช่วงเวลาที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแล เนื่องจากอ่อนล้าหลังปฏิบัติหน้าที่มาทั้งวัน หากพื้นที่ไหนไม่จัดงานปลอดเหล้า ส่งเสริมให้ดื่มหนักตั้งแต่หัวค่ำยันเที่ยงคืน ผู้มาร่วมงานส่วนใหญ่เป็นเยาวชน อยู่ในสภาพมึนเมาเมื่อเดินทางกลับบ้านโดยรถจักรยานยนต์ไม่สวมหมวกกันน๊อค ขับรถเร็ว จึงเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุเจ็บตายเพิ่มมากขึ้น รวมถึงพฤติกรรมการล่วงละเมิดคุกคามทางเพศก็ง่ายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งน้ำเมาเป็นเหตุของการลวนลาม อนาจาร มีผลลบต่อการท่องเที่ยว เพราะบางชาติเขาถือสาเรื่องนี้มาก
“ภาคีเครือข่ายฯและสสส.เคยนำร่องบทเรียนความสำเร็จจัดงาน Midnight สงกรานต์กลางคืนแบบปลอดเหล้า เช่น ถนนข้าวทิพย์ปลอดเหล้า จังหวัดจันทบุรี มีโครงการฝากเหล้าไว้กับตำรวจ งาน Hadyai Midnight Paradise ที่สงขลาจัดแบบสนุกได้ไร้แอลกอฮอล์ มีตั้งคอนเสริ์ตและปาร์ตี้โฟม และงานสงกรานต์โนแอล ที่ห้าง Limelight Avenue ที่ภูเก็ต และการจัดงานที่หน้า CentralWorld กรุงเทพ ที่จัดต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 7 ยืนยันผลสำเร็จควบคุมผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ได้อย่างมาก” นายวิษณุ กล่าว
อ่านต่อที่ บ้านเมืองออนไลน์, ข่าวสดออนไลน์, ข่าวสดออนไลน์, โพสต์ทูเดย์ออนไลน์, TNEWS
19 ก.ค. 65 / อ่าน 1398
17 ก.ค. 65 / อ่าน 1731
12 ก.ค. 65 / อ่าน 1512
12 ก.ค. 65 / อ่าน 917
12 ก.ค. 65 / อ่าน 868